วันอาทิตย์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2560

วิธีทำซูชิด้วยข้าวไทย อร่อยทำง่าย สไตล์ญี่ปุ่น

                   กระแสความนิยมในความเป็นญี่ปุ่นกำลังมาแรงในประเทศไทย โดยเฉพาะอาหารญี่ปุ่น ที่เน้นในเรื่องความสดของวัตถุดิบ ปลาทะเล ผักสดๆ ความลงตัวของรสชาติและสีสัน การจัดแต่งที่สวยงาม พิถีพิถัน โดยหนึ่งในอาหารญี่ปุ่นยอดนิยมขวัญใจคนไทย คงจะหนีไม่พ้น "ซูชิ" เป็นอย่างแน่นอน โดยซูชินั้นเป็นอาหารที่มีข้าวเป็นส่วนประกอบ แต่ข้าวญี่ปุ่นนั้นมีลักษณะเฉพาะที่ต่างจากข้าวไทยคือ คือเม็ดจะลักษณะกลมๆ มียางมากกว่า ให้ความรู้สึกเหนียวฟันเล็กน้อย ถ้านำข้าวไทยแบบปกติ มาทำซูชินั้นอาจจะให้รสชาติออกมาได้ไม่เหมาะเท่าไหร่ แต่ในวันนี้ HappyNowTV ได้นำสูตรการดัดแปลงข้าวของไทย มาปรับให้เหมาะกับอาหารญี่ปุ่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ให้เป็นอาหารที่ทำได้ง่าย ดีต่อสุขภาพ จากปลาทะเล ที่ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจและหลอดเลือด เป็นโปรตีนที่ย่อยง่ายกว่าโปรตีนชนิดอื่น มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย ผักสดและสาหร่าย ช่วยในระบบขับถ่าย  ทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น ที่ให้ผิวพรรณสดใส ร่างกายแข็งแรง นอกจากนี้ ยังเป็นอาหารที่ให้เด็กๆ มาช่วยกันทำ มาช่วยกันห่อได้ เป็นอีกหนังกิจกรรมที่ช่วยสร้างสีสันและความสุข ให้ในบ้านเต็มไปด้วยเสียหัวเราะในวันที่อยู่กันพร้อมหน้าอีกทางหนึ่ง
 

วิธีและส่วนผสมของข้าว ที่มา สูตรที่ 1 ใช้ข้าวไทย

 
ข้าวสาร 4 ถ้วยแบ่งเป็น ข้าวไทย 3 ถ้วย ข้าวเหนียว 1 ถ้วย
น้ำส้มสายชู 6 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 4 ช้อนโต๊ะ
เกลือ 2 ช้อนชา

การหุงข้าวซูชิ

1. ใช้หม้อไฟฟ้าโดยลดปริมาณน้ำลงเล็กน้อยแล้วหุงตามปกติ 
 
2.เมื่อหุงเสร็จเมื่อหุงข้าวใหม่ ตักใส่ชามใหญ่ เอามาตั้งหน้าพัดลมอ่อน หรือใช้มือพัด 
พรมน้ำส้ม โรยน้ำตาล เกลือ ทีละน้อย จนข้าวเป็นเม็ดใส ตั้งไว้ซักครู่รอให้ข้าวรัดตัว 
อุ่นๆประมาณผิวคน
 

ส่วนผสมทำซูชิ

สาหร่ายแผ่น 1 แผ่น
เนื้อปลาแซลมอนหรือปลาทูนาสด (สามารถเปลี่ยนเป็นปูอัด เต้าหู้ หรือไข่หวานได้)
อโวคาโด 1/4 ลูก 
แตงกวา 1/4 ถ้วย
แครอท 1/4 ถ้วย
น้ำอุ่น 1 ชามเล็ก 
 

วิธีทำ 

1. หั่น อโวคาโด,เนื้อปลาแซลมอน,แตงกวา,แครอท 

2. วางสาหร่ายแผ่นลงบนเสื่อไม้ไผ่สำหรับม้วน (Makisu) 

3. ใช้มือจุ่มน้ำอุ่นจับข้าวเกลี่ยให้กระจายบนแผ่นสาหร่าย แล้วว่าส่วนผสมที่เตรียมเอาไว้ โดยมีครึ่งหนึ่งของตามยาวของแผ่นสาหร่าย

4. ม้วน

5. ห่อด้วยกระดาษอีกชั้นเพื่อให้หยิบทานได้สะดวก


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น